ซีอีโอซีพีมุ่งมั่นใช้ศักยภาพ เน้น “พัฒนา” มากกว่าแค่ “ลงทุน” ...ตอกย้ำความจริงใจ ห่วงใย ใส่ใจ กลุ่มผู้เปราะบางในสังคม


หลังจากได้เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอย่างเป็นทางการ ดูเหมือนว่า ซีอีโอของซีพี ศุภชัย เจียรวนนท์ จะใช้เวทีสัมมนาผู้บริหารระดับสูงของเครือฯ ที่มาจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ จากทุกประเทศ รวมแล้วกว่า 400 ชีวิต เป็นเวทีส่งสารไปยังพนักงานทั่วโลกอีกกว่า 300,000 คน ให้ได้รับรู้ร่วมกันว่า บัดนี้ซีพีได้เข้าร่วมในอภิมหาโปรเจกท์ระดับชาติ ซึ่งเป็นความหวังใหม่ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว



โดยบอกกล่าวถึงเหตุผลสำคัญที่เครือฯ สนใจและเข้าไปลงทุนว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่ “การพัฒนา” ซึ่งมีความหมายมากกว่าแค่ “การลงทุน” เพราะเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลักสำคัญ ซึ่งสอดคล้องต้องกันกับแนวทางปฏิบัติของเครือฯ ที่ยึดถือมาตลอดศตวรรษของการดำเนินธุรกิจ 

(หรือที่ชาวซีพีรู้จักกันในชื่อของ หลักการ 3 ประโยชน์ คือ การดำเนินการใด ๆ จะต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่เข้าไปลงทุนเป็นอันดับแรก รองลงมาคือต้องมีประโยชน์ต่อประชาชนหรือสังคมในประเทศนั้น ๆ ซึ่งเมื่อประเทศและประชาชนได้ประโยชน์แล้ว ยังไงองค์กรหรือบริษัทก็จะได้รับประโยชน์ด้วยโดยปริยาย แต่ถ้ามัวคิดถึงประโยชน์ขององค์กรก่อนเป็นอันดับแรก ก็เท่ากับคิดสั้น เดินสวนทางกับความเป็นจริง ไม่ก่อประโยชน์ให้แก่ใครเลย)

นายใหญ่ศุภชัยยอมรับว่า แม้โครงการนี้จะมีความยากลำบากและความเสี่ยงสูงมาก แต่เครือซีพีก็จะใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ โดยต้องอาศัยคนเก่ง ๆ จากทั่วโลกมาช่วยกันทำโครงการนี้ให้สำเร็จให้จงได้ เพราะถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานโครงการแรกของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งเป็นความหวังที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทย และให้ผลไปถึงเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนด้วย โดยจะเป็นแรงผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นฮับของอาเซียน ซึ่งจะสามารถส่งเสริมความเจริญของประเทศเพื่อนบ้านในแถบ CLMV ให้เติบโตไปพร้อม ๆ กันได้อย่างยั่งยืน 




นอกจากจะสื่อสารบอกคนในองค์กร ถึงก้าวใหม่ที่สำคัญของเครือฯ แล้ว ซีอีโอซีพีก็ยังตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ ที่มีต่อสังคมกับการทำโครงการนี้ ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ และหากยังจำกันได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนยื่นซองประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซีพีได้ยื่นซองข้อเสนอพิเศษ หนึ่งในนั้นได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้เปราะบาง โดยเฉพาะคนพิการ ที่จะได้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ในตอนนั้น คุณศุภชัย กล่าวว่า
“เราต้องการทำงานกับชุมชน และพัฒนาเรื่องของความยั่งยืน การเกิดรถไฟความเร็วสูงที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ตามหลักทั่วโลกแล้ว เป็นการทำให้เกิดการกระจายความเจริญ นำไปสู่การพัฒนาในแต่ละท้องที่ และสิ่งที่ตั้งใจไว้ในโครงการนี้
 ก็คือ 1. แผนที่เราจะทำควบคู่ขนานกันไปในการพัฒนาท้องที่และความยั่งยืน 2. ผู้พิการสามารถใช้บริการนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก็เป็นหลักใหญ่ที่รถไฟฯ จะเข้ามาช่วยพัฒนาชุมชนจริงๆ

และในการพูดต่อที่ประชุมกลุ่มผู้บริหารของเครือฯ ครั้งนี้ คุณศุภชัย ก็ยังคงยืนยันตอกย้ำความตั้งใจเดิมว่า โครงการที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองเช่นนี้ จะกระจายความเจริญทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ชุมชน ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รับประโยชน์ ดังนั้นจะต้องทำให้สังคมทุกระดับเข้าถึงได้ อย่างกลุ่มผู้เปราะบาง เช่น ผู้พิการ ก็จะต้องถูกนึกถึงด้วยเป็นอันดับแรกด้วย

แน่นอนว่า การพูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แบบนี้ย่อมไม่ใช่แค่การพูดสร้างภาพไปวัน ๆ แต่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นจากใจจริง ชนิดจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และถ้าจะเจาะลึกกันในเรื่องนี้ ก็จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมี “ศุภชัย” นั่งแท่นเป็นผู้บริหารใหญ่ ได้เน้นหนักทางด้านสังคมด้วยการช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางอย่างใกล้ชิดมาตลอด โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่มบริษัทฯ เข้าไปช่วยผ่านการสร้างอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการทางการมองเห็น การได้ยิน บุคคลที่มีภาวะออทิสติก เป็นต้น ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้ทำโครงการใหญ่ ๆ เช่นรถไฟความเร็วสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากซีอีโอท่านนี้จะนำนโยบายดี ๆ มาขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างความทัดเทียมของผู้คนในสังคม




งานนี้ผู้พิการมีเฮ!!!


+++++++++++++++++++++++++++++++++ 



Comments